หลายคนสงสัย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะคนส่วนใหญ่จะมองข้ามไป
โดยทั่วไปแล้ว ความชื้นในอากาศ ที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า ความชื้น ซึ่งมาจากคำเต็ม ๆ ว่า ความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity หรือ RH) หมายถึง อัตราส่วนระหว่าง ปริมาณความชื้น(ไอน้ำ) ที่มีอยู่จริงในอากาศ กับปริมาณความชื้น(ไอน้ำ)ที่อากาศขณะนั้น จะรองรับได้เต็มที่ ณ อุณหภูมิเดียวกัน (Matthes and Rushing, 1972) หากปริมาณความชื้น มีมากกว่าก็จะกลั่นตัว เป็นหยดน้ำ
หน่วยของความชื้นสัมพัทธ์ จึงออกมาเป็นเปอร์เซ็น (%)
ฉะนั้นความชื้นสัมพัทธ์ มีค่ามากสูงสุดที่ 100 % ส่วนที่เกิน 100 % ของความชื้น จะอยู่ในรูป ของเหลวที่เรียกว่าน้ำ หรือ หยดน้ำ
ความชื้นสัมพัทธ์ คำนวณหาได้จากสูตร
ความชื้นสัมพัทธ์ (%) = ปริมาณความชื้น(ไอน้ำ)ที่มีอยู่จริงในอากาศ x 100 หารด้วย ปริมาณความชื้น(ไอน้ำ)ที่อากาศขณะนั้นจะรองรับได้ ณ อุณหภูมิเดียวกัน
ปริมาณความชื้น(ไอน้ำ)ที่มีอยู่ในอากาศ หรือ absolute humidity อาจเปลี่ยนแปลง ไปได้ตามสภาพที่แวดล้อม และอุณหภูมิ ส่วนปริมาณน้ำ ที่อากาศ จะรองรับได้ หรือปริมาณความชื้น(ไอน้ำ) ณ จุดอิ่มตัว (saturation) หรืออีกนัยหนึ่ง ปริมาณความชื้น(ไอน้ำ)ที่มีอยู่ในอากาศ ซึ่งมีความชื้นสัมพันธ์ 100% นั้น จะเป็นค่าคงที่ ณ อุณหภูมิหนึ่งๆ
สถิติความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ย ( % ) ของประเทศไทยในช่วงฤดูกาลต่างๆ
ภาค
|
ฤดูหนาว
|
ฤดูร้อน
|
ฤดูฝน
|
ตลอดปี
|
เหนือ
|
73
|
62
|
81
|
74
|
ตะวันออกเฉียงเหนือ
|
69
|
65
|
80
|
72
|
กลาง
|
71
|
69
|
79
|
73
|
ตะวันออก
|
71
|
74
|
81
|
76
|
ใต้ฝั่งตะวันออก
|
81
|
77
|
78
|
79
|
ใต้ฝั่งตะวันตก 73
|
77
|
76
|
84
|
80
|
หมายเหตุ
ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม คือ 50-55 % rH